บันทึกเรื่อง "การประชุมอะไรวะเนี่ย!"
ในวันที่ผมต้องขับรถด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้ไปทันการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผมทราบดีว่าการประชุมกับผู้ใหญ่ระดับจังหวัดระดับนั้น ควรจะวางแผนการเดินทางและเผื่อเวลาไว้ 30 นาที แต่ด้วยพันธะการส่งงานผ่าน LINE ที่ไม่ได้ง่ายเหมือนที่ทุกคนคิด ผมจึงมีเวลาไม่ถึง 20 นาที และเท่าที่ผมดูการคำนวนระยะเวลาในการเดินทางจากที่ปัจจุบันไปยังจุดมุ่งหมายผ่าน Google Maps ก็ใช้เวลาเพียง 14 นาที แต่ดันลืมไปว่าระบบของ Google ไม่ได้นับรวมเวลาที่ติดอยู่ที่สี่แยกไฟแดงด้วย พอถึงถนนใหญ่ผมจึงเหยียบคันเร่งให้ความเร็วมันเกินร้อย เพื่อจะทดแทนเวลาที่ติดอยู่สี่แยกไฟแดงให้มากที่สุด
สุดท้าย ผมสาย 5 นาที จากที่นัดหมายประชุมไว้ 10.00 น. ผมไปถึงที่หมาย 10.05 น. ที่ช้านั้นเป็นเพราะต้องวนหาที่จอดรถ และต้องถอยเข้าถอยออกอยู่หลายรอบกว่าจะสามารถจอดชิดฟุตบาทโดยที่ไม่กินถนนที่รถผ่านได้ การจอดครั้งนี้รถผมได้แผลเพิ่มมาอีกหนึ่ง เพราะในจังหวะที่เลี้ยวให้ชิดขอบถนนที่มีรถขนาบข้างจนแทบไม่เหลือที่ให้ แต่ด้วยความพยายามกับความกดดันเรื่องเวลา ครึดดด ... คือเสียงที่ส่วนหน้าของรถขูดโดนขอบถนนเข้าให้ "ช่างมันเถอะวะ มาถึงแล้ว" ผมคิดในใจพร้อมกับสายตาที่มองบาดแผลของความเร่งรีบที่ติดอยู่ด้านกันชนหน้าฝั่งซ้ายมือ ก่อนที่จะหันหลังเพื่อเร่งรีบขึ้นไปที่ห้องประชุม
ผมตกใจ คนในห้องประชุมเนืองแน่นไปหมด กวาดด้วยสายตาก็พอประมาณคร่าว ๆ ว่ามีจำนวนคนในห้องนั้นร้อยกว่าแน่ ๆ นั่งเรียงซ้อนกันราวกับทูน่าเสต๊กที่อัดอยู่ในกระป๋อง "ตายละ มาตรการ social distancing ไม่มีเลยเหรอ?" "อืม .. แต่ทุกคนก็ใส่หน้ากาก ช่างมันเถอะ" ผมมองซ้ายขวาเพื่อหาที่นั่ง พบว่ามีที่ว่างอยู่ด้านหลังสุดที่นึง นี่แหล่ะน้า คนระดับผู้ว่าฯ ถือว่าเป็นผู้ที่ใหญ่ที่สุดในระดับจังหวัดนัดหมาย เราควรรับผิดชอบให้มาก่อนเวลามากกว่านี้ ได้นั่งลงไปก็กวาดสายตาไปรอบ ๆ ห้อง การจัดโต๊ะที่เนืองแน่น มีโต๊ะตรงกลางที่หันหน้าเข้าหากันเป็นครึ่งวงกลม แต่ความห่างแทบจะเหมือนกับนำโต๊ะหันหน้าชนกัน แทบไม่มีความห่างเลย ที่เหลือก็เป็นโต๊ะที่เรียงเป็นแถว โต๊ะหนึ่งนั่งได้ 2 คน แถวหนึ่งมี 3 ตัวที่พอดีกับขนาดความกว้างของห้อง ถ้าความลึกก็คงเรียงกันเป็น 10 แถว หันหน้าไปยังประธานในที่ประชุม แต่ .. ยังไม่เห็นประธานที่ประชุม เวลาผ่านเลยไป 10 นาที ประธานก็ยังไม่มา จนรองผู้ว่าฯ แจ้งว่าประธานในที่ประชุมติดธุระ .... เราอุตส่าห์เร่งสปีดเพื่อขับรถมาให้ถึงทันเวลาที่สุด แต่ผู้ที่นัดประชุมกลับไม่มาถึงที่ประชุม ทั้งๆ ที่ห้องทำงานก็ห่างจากที่ประชุมไม่ถึง 1 นาทีด้วยซ้ำ
หรือนี่คือเรื่องปกติของการประชุมราชการไทย นัดเวลาไว้เพื่อเผื่อเวลาจริง ยิ่งตอกย้ำนิสัยความไม่ตรงต่อเวลาเข้าไปอีกจนกลายเป็นวัฒนธรรมของชาติไปแล้ว
เมื่อประธานในที่ประชุมมาถึง ก็มีเจ้าหน้าที่แต่งชุดคล้ายๆ ตำรวจ หรืออาจจะเป็นตำรวจก็ไม่แน่ใจ เพราะมองมาจากข้างหลังสุด ยืนขึ้นเพื่อถ่ายรูปกับประธานในที่ประชุม ผู้ว่าฯ ก็นั่งหลังตรง กางแขนออก เอามือมาประสานกันแล้ววางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็มองกล้องด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ก่อนที่เจ้าหน้าที่ท่านนั้นกดหน้าจอเพื่อบันทึกภาพ เมื่อเสร็จแล้วก็ก้มหัวโค้งคำนับให้กับประธานในที่ประชุม ราวกับเป็นการขอบคุณที่ตั้งท่าให้ตัวเองถ่ายรูปให้ ก่อนที่จะกลับไปที่นั่งของตัวเอง และก็เริ่มการประชุม
ประธานในพิธีถอดแมสออก ท่ามกลางคนหลักร้อยที่สวมใส่หน้ากาก และกระแสของการเกิดคลัสเตอร์ใหม่ในจังหวัด แล้วก็เริ่มลำดับการประชุมตามวาระ ในขณะที่ผู้ว่ากำลังพูดอยู่นั้น ผมก็ได้ยินเสียงราวกับคนเอาช้อนมาเคาะแก้วไวน์ "ติ๊ง...." แชท Messenger ของคนข้างหน้าดัง แล้วนางก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือมาอ่านแชท พอวางได้ซักพัก "ติ๊ง..." อีกรอบ นางก็หยิบมือถือขึ้นมาดู พิมพ์ตอบกลับไปรัวๆ แล้วก็วาง "ติ๊ง.... ติ๊ง.... ติ๊งงงง" เป็นลักษะวนลูปแบบนี้ไม่จบไม่สิ้น และในใจคืออยากจะถามว่า "ป้า .. ปิดเสียงโทรศัพท์ไม่เป็นใช่ไหม ทำไมไม่ศึกษาการใช้งานก่อนซื้อล่ะ หรือซื้อมาแล้วอยากรู้ว่าปิดเสียงอย่างไรทำไมไม่หาใน YouTube ดูล่ะ ปล่อยให้มันดังแบบนี้ได้ไงเล่า" ในขณะที่กำลังหงุดหงิดกับคนข้างหน้า โต๊ะข้าง ๆ ถัดไป มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ ถัดไปจากนั้นก็เป็นผู้ชายร่างท้วมๆ ใส่เสื้อกั๊กสีดำ มีเสียงโทรศัพท์เข้า และเขาก็รับและพูดคุยกันในห้องนั้นเลย ต่อให้เหมือนกระซิบแต่ผมก็ได้ยินอยู่ดี ใช่ครับ เขารับสายและคุยโทรศัพท์ในขณะที่ผู้ว่ากำลังพูดในที่ประชุมอยู่ ... "โอ้ นี่มันเมืองไร้อารยะอะไรวะเนี่ยยย"
การประชุมผ่านไปเกือบชั่วโมง ทั้งเสียงเด้งของแชทและเสียงคนคุยโทรศัพท์ยังคงเกิดขึ้นเป็นระยะๆ โดยไม่มีทางสิ้นสุด อยู่ๆ ก็มีคนยื่นหน้ามาเรียกผู้ว่าออกไปข้างนอกห้อง ผู้ว่าก็ลุกออกจากที่ประชุมไปทันทีโดยไม่ได้กล่าวอะไร และให้รองผู้ว่าเป็นคนดำเนินการแทน สิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้น ก็เริ่มเห็นคนลุกขึ้นจากที่นั่ง โค้งคำนับ และก็เดินแทรกจากโต๊ะที่อัดกันอย่างแคบๆ เพื่อทะลุมาถึงฝั่งประตูแล้วก็เดินออกไป คนแรกไม่เป็นไร คนที่สองก็เอะใจ แต่เริ่มมีคนที่สาม ที่สี่ ที่ห้า และก็เริ่มมีเรื่อยๆ ที่ออกจากห้องแบบนี้เป็นระยะๆ รวมถึงนางป้าที่ปล่อยให้แชทแจ้งเตือนเสียงดังด้วยที่เดินออกห้องไป ในหัวผมตอนนั้นก็ไม่แน่ใจว่า ผู้ว่าฯจะว่าอย่างไรถ้ากลับเข้ามาแล้วคนหายไป ... แต่ก็นั่นแหล่ะครับ ประสบการณ์ของคนพวกนี้เขาสูง ผู้ว่าไม่กลับเข้าห้องมาอีกเลย จนรองผู้ว่าเรียกถามฝ่ายที่จัดงานคนหนึ่ง แต่กลับไม่ตอบรับ จนต้องแซวว่า "สงสัยเห็นผู้ว่าลุกก็คงหนีหายไปแล้ว ฮ่าๆๆๆ" นี่พวกเขามองเป็นเรื่องตลกเหรอ? มองเป็นเรื่องปกติเหรอ? ในหนังสือแจ้งเวลาประชุมถึงเที่ยง แต่นี่สิบเอ็ดโมงหน่อย ๆ อยู่เลย ทำไมถึงออกก่อน หลายๆ คนมาจากหลายๆ หน่วยงานมีเหตุพร้อมกันขนาดนั้นเชียวเหรอ? นี่มันคืออะไรวะเนี่ย!!!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น