ที่ไม่ค่อยพิมพ์เรื่องการเมือง ไม่ได้เป็นกลางนะ

ที่ไม่ค่อยพิมพ์เรื่องการเมือง ไม่ได้เป็นกลางนะฮะ ทุกคนรู้ แฟนคลับรู้ ฉันด่ารัฐประหารมาโดยตลอด และในอดีตอาจจะมีบางคนคงเคยเจอผมไปคอมเมนต์เพื่อเถียงเรื่องการเมือง เมื่อก่อนผมด่าแหลก จนวันหนึ่งมันหมดคำด่าแล้วจริง ๆ ยุคนั้นมีแต่คนมองว่าผมเป็นผีบ้า หลายคนก็ unfriend unfollow ไป but I don't care ผมก็ยังคงด่าต่อ เชื่อสิ มันก็ต้องมีคนที่ตาสว่างตามบ้างล่ะ แต่ยุคนั้นเจอคนสร้างภาพเก่ง มันเลยไม่ง่าย ยิ่งเจอพวกออกมาขัดขวางการเลือกตั้ง ผมนี่สิ้นหวังจริง ๆ 
ผมจึงเลือกที่จะถอยห่าง เพราะท้อใจ และเสียงของเรามันไม่ดังพอที่ใครจะเปลี่ยนแปลงสังคมได้ นั่นคือสิ่งที่ได้เรียนรู้ แต่เสียงของเรานั้นดังในพื้นที่ของเรานะ นั่นคือในห้องเรียน เพราะผมสอนอ่านและเขียนภาษาอังกฤษ ผมจึงสอดแทรกเรื่องของ การเคารพสิทธิผู้อื่น ความเท่าเทียม และ ความเป็นมนุษย์ผ่านเนื้อหาบทความ โดยที่ผมไม่ได้ยัดเยียดความคิดของผมเองแต่อย่างใดเลย ผมมีหน้าที่ตั้งคำถามเพื่อให้นักเรียนแสดงความคิดเห็นของตัวเอง ไม่มีคำตอบไหนที่ผิดและถูก ขอแค่พวกคุณกล้าแสดงความเห็นของตัวเองออกมา แกรมม่าผมก็ไม่จับผิด มากไปกว่านั้นผมก็สอนให้พวกเขาตั้งคำถามกับสังคมนี้ มันไม่ได้ผลอะไรมากหรอกครับในยุคที่พวกเขาเป็นนักเรียน แต่ค่อย ๆ กะเทาะเปลือกค่านิยมในสังคมที่ห่อหุ้มพวกเขาไว้ ทำให้พวกเขาเป็นเหมือนเด็กน้อยหอยสังฆ์ในคราบชุดนักเรียนอยู่ตลอดเวลา

ครั้งหนึ่งผมเคยเปิดชมรม British and American Cultures แล้วคาบสุดท้ายก็เชิญ Teachers 2 ท่านที่เป็น British กับ American มาเป็นวิทยากรเพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พอครูผู้สอนไม่ได้เป็นคนไทย เด็กกล้าตั้งคำถามที่ทำให้ผมเองก็ขนลุกและน้ำตาคลอเลยทีเดียว

เวลานี้เพื่อนผมหลายคนที่เคยกลาง ๆ ก็ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การเมืองแทนผมแล้ว ลูกศิษย์ลูกหาของผมหลายคนออกมาด่ากันเต็มที่ เพราะรัฐประหาร ณ ตอนนั้นได้พรากชีวิตดี ๆ ของพวกเขาไปแล้ว ณ ตอนนี้ จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะออกมา ในอดีตคนเสื้อแดงออกมาก็กล่าวหาว่าเป็นม็อบรับจ้าง ดูถูกย่ำยีหัวใจความเป็นประชาชนของพวกเขาสารพัด เพราะเห็นเขาเป็นชาวบ้านไม่มีการศึกษาจากบ้านนอก ซึ่งนั่นแหล่ะคือต้นตอของปัญหา คือความเหลื่อมล้ำ พอตอนนี้เป็นกลุ่นนักศึกษามีฐานะทางสังคมขึ้นมาบ้าง จะดูถูกเขาเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่ได้ เอาความเชื่อปลอมเปลือกมาอ้างก็โดนตอกกลับหมด (สะใจจริง ๆ) 

บางคนที่เคยอยู่คนละขั้วก็กลายมาเป็นฝ่ายที่โดนผลกระทบเอง บ้างก็ออกมาด่า บ้างก็แอ๊บ ๆ อยู่ บ้างก็ยอมเป็นทาสเหมือนเดิม ก็แล้วแต่ครับ แต่ผมยินดีมาก ๆ ที่หลายคนเข้าใจผมนะ

ไม่ต้องห่วงเรื่องหน้าที่การงานผมครับ ผมรู้ แต่ผมก็เหมือนเดิมครับ I don't fucking care ผมมีความสามารถและศักยภาพพอที่จะหารายได้ทางอื่น เพียงแต่ผมรักในความเป็นครู ผมจึงวุ่นอยู่กับวิชาชีพที่ผมรัก แล้วถ้าจะโดนปลดเพราะพูดเรื่องการเมือง ก็ so be it  

เพราะผมสู้ ผมไม่อยู่อย่างทาสครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Sport Day หรือ Sports Day?

Organizing : Topic, Supporting และ Concluding Sentences

เด็กปีหนึ่งใช้ "Freshman" หรือ "Freshmen" ???