แน่ใจแล้วหรือว่าการด่าผู้ที่ติดเชื้อจะเกิดผลดี?

Photo by cottonbro from Pexels
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จำนวนผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ COVID 19 ก็ปรากฏจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน สำหรับพื้นที่สีแดงนั้นขึ้นถึงหลักร้อยต่อวันเลยทีเดียว แต่จังหวัดที่ยังไม่เป็นพื้นที่สีแดงนั้นพบประมาณไม่กี่คน พอปรากฏหนึ่งคนก็เป็นเรื่องใหญ่ในวงกว้าง สร้างความหวาดผวาและความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก จนทำให้เราหลายคนขาดสติ

เมื่อทางกระทรวงสาธารณสุขรายงาน timeline ของผู้ที่ติดเชื้อ เราก็จะเห็นคอมเมนต์ของประชาชนที่ด่าทอด้วยถ้อยคำที่ดุเดือด เช่น เห็นแก่ตัวบ้างล่ะ ง่าว(โง่)บ้างล่ะ 

โอเค สำหรับเคสแรกๆ ที่มีคนลักลอบหนีออกมาจากชายแดนแล้วไม่กักตัว อันนี้สมควรโดนด่า กับอีกกรณีที่มีอาการป่วยแล้วแอบรักษาด้วยตัวเองทั้งที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง แล้วยังไปไหนต่อไหนอีก ไม่ยอมหาหมอ จนอาการมันหนักขึ้นจึงยอมรับสารภาพ แต่ก็โกหกพัลวัน ปกปิด timeline ตัวเอง อันนี้ก็เห็นชอบว่าสมควรโดนด่า

แต่ในกรณีหลังๆ คือ เขาใช้ชีวิตตามปรกติเพราะไม่ได้อยู่พื้นที่สีแดง ก็ใช้ชีวิตแบบเราๆ ไปนั่นโน่นนี่ อาการก็ยังไม่ปรากฏ เมื่อเขาเป็นไ้ข้ไม่สบาย เขาเกิดความสงสัยในตัวเอง เขาก็ไปหาหมอทันที พอผลออกมาเป็นบวก เขาก็ยอมรับ และเขาก็ยอมเปิดเผย timeline ของเขาอย่างละเอียดด้วยความจริงใจ แต่เหตุใดกัน มีคอมเมนต์ที่ดุเดือด ด่าว่าเขามากมาย ทั้งๆ ที่เขาเองก็ไม่ได้มาจากจังหวัดพื้นที่สีแดงเลยด้วยซ้ำ เราควรฉุดคิด เขาไปติดจากที่ไหนมาได้ แสดงว่ามีผู้ที่ติดเชื้อก่อนหน้านั้นอยู่แล้วใช่หรือไม่ 

ผมขอเถอะครับ เลิกเถอะ การด่าเอาสะใจ โดยไม่คำนึงถึงว่ามันจะส่งผลกระทบที่เลวร้ายกว่าเดิม อย่างแรกเราตีตราเขาโดยไม่ฟังเหตุผล ไม่พอ พูดด้อยค่าเขาไปอีก 

ไม่มีใครอยากเป็นโจทย์ของสังคมหรอกครับ การที่เขายอมไปหมอ ยอมรับผล และ ยอมที่จะเปิดเผย timeline อย่างละเอียด นับว่าเป็นความกล้าหาญที่น่าชื่นชม เพราะทำให้คนที่เคยไป ณ ที่แห่งนั้น ได้เฝ้าระวังตัวเอง 

หากว่าเรายังคงระบายอารมณ์อย่างขาดสติ เพื่อซ้ำเติม เพื่อความสะใจ เพื่อหาหมู่หาพวกให้คิดเหมือนกัน เพื่อเรียกยอด like หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมขอบอกไว้เลย นั่นอาจจะเป็นหายนะได้ เพราะการที่เราไปซ้ำเติมผู้ที่ติดเชื้อ ทำให้ใครก็ไม่อยากจะถูกตราหน้า ทั้งๆ ที่เขาไม่ได้ผิดอะไร ถ้าหากว่ารายต่อไปมีอาการป่วย แล้วเขาไม่อยากเป็นโจทย์ทางสังคมแบบนั้น เขาอาจจะกลับสู่การใช้วิธีปกปิดข้อมูล ไม่เปิดเผยว่าตัวเองไปทำอะไรที่ไหนมา หรืออาจจะกลายเป็นสร้างเรื่องราวเพื่อโกหกเอาตัวเองรอด หลีกเลี่ยงคนในสังคมประณาม 

แล้วเมื่อเราไม่ได้ข้อมูลจริง เราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่ที่เราไป มันมีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด นั่นแหล่ะคือหายนะ

อย่าให้มันต้องมาถึงคราวที่เราเองกลายเป็นผู้ติดเชื้อแล้วถึงจะเข้าใจหัวอกคนที่ถูกด่าเลย หรือมารู้สึกสำนึกในภายหลังเมื่อตัวเองโดนด่าบ้าง อย่าเลยครับ ไม่อยากให้ใครติดเชื้อเพิ่มทั้งนั้น และไม่อยากให้พวกเราไปกระหน่ำซ้ำเติมผู้ที่ติดเชื้อด้วย แล้วตอนนี้อาการมันก็ไม่เหมือนกับตอนแรกๆ แล้ว บางคนยังสามารถได้กลิ่นและลิ้นรับรสได้ตามปรกติ แสดงอาการอีกทีก็ป่วยเลย คุณด่าเขาว่าไปนั่นโน่นนี่ทั่วเมืองแล้วไม่กักตัวแบบนั้นไม่ได้ เขาไม่ได้เป็นคนโง่ครับ แต่เขาไม่รู้ว่าตัวเขาติดเชื้อ และคนไม่รู้ก็ย่อมไม่ผิด เขาก็ใช้ชีวิตเหมือนคุณนั่นแหล่ะ ไปไหนมาไหน จะให้เขากักตัวได้ยังไงเมื่อเขายังไม่รู้เลย เขาไม่ได้ไปพื้นที่เสียง 

ผมย้ำอีกครั้งว่าอย่าให้มันเกิดขึ้นกับเราแล้วถึงจะเข้าใจ ขอให้เราเข้าใจเขาก่อนกันเถอะนะครับคนไทย 

ไม่ซ้ำเติมกันนะ เราจะผ่านสถานการณ์แบบนี้ไปด้วยกันครับ

ครูโจโจ้
***************************************
🧡 ฝากกดติดตามได้ที่ด้านบนของ Blogger www.krujojotalk.com ด้วยนะครับ
***************************************
ติดต่อ & ติดตามช่องทางอื่นๆ ได้ที่ 
💙Facebook 
www.facebook.com/krujojotalk
💗YouTube 
http://www.youtube.com/c/KruJOJOTalkchannel
✍สนใจเรียนภาษาอังกฤษ online ได้ที่ 
https://www.facebook.com/engkrujojo

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Sport Day หรือ Sports Day?

Organizing : Topic, Supporting และ Concluding Sentences

เด็กปีหนึ่งใช้ "Freshman" หรือ "Freshmen" ???