ซึมเศร้า .. เล่าสู่กันฟัง
เห็นช่วงนี้หลายคนทำแบบทดสอบโรคซึมเศร้าผ่านเว็บต่างๆ ก็เลยลองทำดูบ้าง โดยคิดถึงอารมณ์ช่วงก่อนหน้านี้แล้วตอบแบบสอบถาม ผลออกมาว่าเป็นซึมเศร้าระดับปานกลาง
ไม่แปลกใจเลยครับ
ที่ไม่แปลกใจก็เพราะว่าตอนนี้ก็กำลังกินยารักษาโรคซึมเศร้าอยู่ครับ หมอบอกว่ามีอาการซึมเศร้าอยู่นิดหน่อย กินยาเพียงครึ่งเม็ด และตอนนี้ก็รู้สึกดีขึ้นแล้วครับ
เรื่องของเรื่องคือ มีช่วงหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาแล้วมีคำถามกับตัวเองว่า "ตื่นมาทำไม? ตื่นมาเพื่อใช้ชีวิตเดิมๆ แบบนี้เพื่ออะไร? ถ้าไม่ตื่นล่ะจะไปไหน?" เป็นต้น
ขอบอกไว้ก่อนว่าไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตายนะ และไม่เคยคิดด้วย แต่ตื่นมาแล้วไม่มีความสุข ทั้งๆ ที่มันก็ไม่มีอะไรทุกข์เท่าไหร่ มันแค่รู้สึกเบื่อๆ และเรื่องน่าเบื่อที่เกิดขึ้นซ้ำๆ เข้ามาอีก หลังตื่นได้ซักพักก็พอมีสติก็รู้ตัวว่า "เอ่อ ช่วงนี้มีความคิดแปลกๆ เว้ย" เลยรอวันว่างๆ ที่จะเป็นโอกาสไปปรึกษาจิตแพทย์ซักหน่อย
เมื่อได้วันว่าง ก็ตัดสินใจไปที่โรงพยาบาลสวนปรุง ใช่ครับ ไปสวนปรุง เดินดุ่มๆ ไปคนเดียวด้วย เพราะผมรู้ ว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาของระบบประสาท ควรจะไปรพ.ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้ไปเลย แล้วอยากจะหักล้างความเชื่อของหลายคนที่มองว่า "คนบ้าเท่านั้นที่ไปสวนปรุง" ให้มองว่าที่นี่คือโรงพยาบาลที่เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาโดยจิตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากกว่านะครับ
ตอนนั้นยังคิดว่าตัวเองเป็นไบโพลาร์เสียด้วยซ้ำ แต่หมอก็วินิจฉัยแล้วว่าไม่ใช่ เป็นแค่ซึมเศร้าแบบอ่อนๆ หมอให้กินยาครึ่งเม็ด กับยาบำรุงปลายประสาท ภายในสองสัปดาห์เห็นผลตามที่หมอบอกจริงๆ มันรู้สึกดีขึ้นจริงๆ ครับ ความคิดแบบนั้นหลังจากตื่นนอนก็ไม่มี สมาธิดีขึ้น มันนิ่งขึ้น นอนหลับสบาย (มีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ) ก็เลยเข้าใจความรู้สึกของเชสเตอร์เลย และโชคดีที่ผมรักษาตัวเองก่อนที่จะมีข่าวเชสเตอร์ฆ่าตัวตาย ไม่งั้นคงรู้สึก down มากไปกว่านี้แน่ๆ (มันรู้เลยว่าก่อนรักษา กับ หลังรักษา มันมีมุมมองหรือแนวคิดที่ต่างกันมากๆ)
ผมต้องผ่านการซักถามจากพยาบาลก่อน พยาบาลใจดีมากๆ ครับ รู้สึกสบายและผ่อนคลายเวลาพูดคุย ประทับใจจริงๆ ก่อนที่จะไปพบแพทย์เพื่อซักถามรายละเอียดอีกรอบหนึ่ง
อาการหรือความรู้สึกที่เราคิดไปเอง หมอบอกเป็นเรื่องปกติทั้งหมด ไม่ใช่ไบโพลาร์หรืออย่างไร แต่ประเด็นก็คือ จากที่เมื่อก่อนเป็นคนขยันออกกำลังกาย พอวันนึงที่ร่างกายบาดเจ็บและลดน้ำหนักได้ยังไม่ถึงเป้า ก็รู้สึกล้มเหลว ประกอบกับความผิดหวังซ้ำๆ เลยเริ่มไม่ชอบตัวเองที่อ้วนขึ้น แต่ก็ไม่มีอารมณ์ไปออกกำลังกายแบบที่เคยทำแล้ว แม้อาการบาดเจ็บจะหายดีแล้วก็ตาม .. นั่นแหล่ะ หมอถึงบอกว่าก็มีซึมเศร้าอยู่หน่อยๆ
ที่แชร์ให้ฟังเพราะอยากจะเปิดใจให้คนกล้าไปพบจิตแพทย์หากว่ามีความสงสัยจะดีกว่า ซึ่งความเห็นส่วนตัวคิดว่าการทำแบบสอบถามด้วยตัวเองมันคงสู้การไปพูดคุยกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญไม่ได้หรอกนะครับ
หลายคนไม่เชื่อว่าผมก็เป็นโรคนี้
แต่เชื่อเถอะครับ หมอวินิจฉัยแล้ว
และมันดีขึ้นจริงๆ นะ
สิ่งสำคัญที่ผมบอกให้คนอื่นได้รู้ว่าตัวเองเป็นโรคซึมเศร้า เพราะผมเป็นจริงๆ ผ่านการวินิจฉัยจากแพทย์แล้ว ไม่ได้มโนหรือคิดไปเองไม่ได้ประกาศเพื่อเรียกร้องความสนใจจากใครๆ (คิดว่าตัวเองมีความน่าสนใจอื่นๆ มากพอโดยที่ไม่ต้องเรียกร้องนะจ๊ะ)
แต่ผมต้องการบอกให้ทุกคนรู้ว่าเดี๋ยวนี้คนเป็นเยอะมาก แม้แต่คนที่ดูร่าเริงอย่างผมก็เป็นมาแล้ว ถ้าสงสัย ผมอยากให้ไปหาหมอ ไม่ต้องอาย หมอจะแนะนำทางแก้ไขที่ถูกต้อง (ตอนแรกผมคิดว่าเป็นไบโพล่าร์ด้วยซ้ำ) ไปแก้ด้วยวิธีที่ไม่ถูกจุดมันไม่ช่วยทำอะไรดีขึ้น
พบแพทย์คือใช่ที่สุดครับ
ในขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่อาจจะพูดล้อเล่นเรื่องโรคซึมเศร้า แต่มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย ถ้าคุณได้เข้าใจความรู้สึกของผมในตอนนั้น คุณอาจจะกำลังสนุกปากอยู่กับความเศร้า หรือแม้กระทั่งความอยากจะตายของผู้อื่นอยู่
อยากให้ทุกคนหันมาศึกษาและเข้าใจมันมากกว่าครับ
แล้วหยุดซ้ำเติมหรือล้อเล่นกับเรื่องนี้ ขอร้อง
ด้วยรักและหวังดีนะจ๊ะ
ครูโจโจ้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น